13 น้ำยาทำความสะอาดที่ไม่ควรใช้ด้วยกัน เลี่ยงเลยก่อนเกิดอันตราย !
ระวังให้ดี น้ำยาทำความสะอาดเหล่านี้ไม่ควรใช้ร่วมกัน เพราะอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ พร้อมวิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้นหากบังเอิญผสมไปโดยไม่ได้ตั้งใจ
น้ำยาทำความสะอาดบ้านมีหลายชนิด แต่เนื่องจากบางทีใช้เวลาเยอะ หรือต้องทำความสะอาดหลาย ๆ รอบกว่าคราบจะหมดไป โดยเฉพาะร่องยาแนวในห้องน้ำ เลยคิดจะใช้ทางลัดด้วยการนำน้ำยาล้างห้องน้ำมาใช้ผสมกับน้ำยาฟอกผ้าขาว จนได้รับอัตรายจากสารพิษจากน้ำยาเหล่านั้น เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำรอยวันนี้กระปุกดอทคอมขอรวม 13 น้ำยาทำความสะอาดที่ไม่ควรใช้ด้วยกัน หรือนำน้ำยาทำความสะอาดเหล่านี้มาผสมกัน เพราะไม่อย่างนั้นอาจจะเกิดอันตรายถึงชีวิต ในขณะเดียวกันอาจจะทำให้ประสิทธิภาพของน้ำยาทำความสะอาดลดลง
1. น้ำยาล้างห้องน้ำและน้ำยาฟอกผ้าขาว
น้ำยาล้างห้องน้ำมีฤทธิ์เป็นกรด เมื่อนำมาผสมกับน้ำยาฟอกผ้าขาว จะเกิดเป็นก๊าซคลอรีนและสารพิษที่ทำให้เกิดอาการระคายเคืองตา จมูก และลำคอ รวมถึงการไอและหายใจติดขัด นอกจากนี้ถ้าได้รับในปริมาณที่มากเกินไปอาจจะรุนแรงจนถึงขั้นเสียชีวิตได้อย่างที่เห็นในข่าวก่อนหน้านี้
2. เบกกิ้งโซดาและน้ำส้มสายชู
ทั้งเบกกิ้งโซดาและน้ำส้มสายชู ต่างก็เป็นตัวช่วยในการทำความสะอาดที่ยอดเยี่ยมแถมราคาประหยัด แต่อย่างไรก็ตามเป็นไม่ควรนำมาผสมกันโดยเด็ดขาด เพราะเบกกิ้งโซดามีค่าเป็นด่าง ส่วนน้ำส้มสายชูมีสภาพเป็นกรด เมื่อนำมาผสมกันจะทำให้เกิดโซเดียม อะซเตด น้ำ และคาร์บอนไดออกไซด์ที่มีสถานะเป็นก๊าซ แม้จะไม่ได้เป็นพิษและมีอันตรายมากนัก แต่ก็จะทำให้เกิดฟองฟู่ และหากนำไปเก็บไว้ในภาชนะปิดก็อาจจะปะทุขึ้นมาได้
3. ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์และน้ำส้มสายชู
ส่วนผสมทั้งสองเพียงอย่างใดอย่างหนึ่งก็เพียงพอสำหรับการเป็นน้ำยาทำความสะอาดและช่วยฆ่าเชื้อโรคได้แล้ว แต่หากนำมาผสมกันจะเกิดเป็นกรดพาราเซติก (Paracetic Acid) ที่พิษและก่อให้เกิดอาการระคายเคืองต่อผิวหนัง ดวงตา และระบบทางเดินหายใจได้ อีกทั้งยังมีฤทธิ์เป็นกรดกัดกร่อนพื้นผิววัสดุอีกด้วย
4. แอมโมเนียและน้ำยาฟอกผ้าขาว
โดยปกติแล้วทั้งแอมโมเนียและน้ำยาฟอกผ้าขาว เป็นสารทำความสะอาดที่คนทั่ว ๆ ไปใช้กันอยู่แล้ว แต่ไม่แนะนำให้นำมาผสมกันโดยเด็ดขาด เพราะจะทำให้เกิดก๊าซพิษที่ชื่อว่า คลอรามีน (Chloramine) ซึ่งทำให้เกิดอาการระคายเคืองตา จมูก และลำคอได้ หรือหากรุนแรงกว่านั้นก็อาจจะส่งผลให้เกิดอาการเจ็บหน้าอก ไอ และอันตรายถึงขั้นเสียชีวิตได้
นอกจากนี้หากจะใช้น้ำยาที่มีส่วนผสมของสารฟอกขาวในการทำความสะอาด ก็ควรสวมถุงมือและแว่นตาป้องกันไว้ พร้อมทั้งอ่านวิธีใช้บนฉลากขวดก่อนทุกครั้ง
5. รับบิ้งแอลกอฮอล์และน้ำยาฟอกผ้าขาว
รับบิ้งแอลกอฮอล์ (Rubbing Alcohol) หรือแอลกอฮอล์ที่ใช้สำหรับฆ่าเชื้อที่มีส่วนผสมของ หากนำมาผสมกับน้ำยาฟอกผ้าขาว ที่มีโซเดียมไฮโปคลอไรต์ (Sodium Hypochlorite) จะสร้างคลอโรฟอร์ม (Chloroform) ที่มีกลิ่นฉุน หากสูดดมเข้าไปแม้ในปริมาณเพียงเล็กน้อย ก็อาจทำให้เกิดอาการเวียนหัว คลื่นไส้ หมดสติ หรือถึงแก่ชีวิตได้ หากมีสารชนิดนี้เข้าไปสะสมในร่างกายปริมาณมาก นอกจากนี้ไม่ควรนำรับบิ้งแอลกอฮอล์ไปผสมกับน้ำยาทำความสะอาดบ้านชนิดอื่น ๆ ด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นน้ำยาเช็ดกระจกหรือน้ำยาล้างห้องน้ำ
6. น้ำส้มสายชูและน้ำยาฟอกผ้าขาว
แม้ว่าการรวมกันของส่วนผสมของน้ำส้มสายชูและน้ำยาฟอกผ้าขาว ดูเหมือนจะเป็นคู่หูทำความสะอาดที่ยอดเยี่ยม แต่หากนำมาใช้ด้วยกันละก็ จะเกิดก๊าซคลอรีน (Chlorine Gas) ที่มีกลิ่นฉุน ซึ่งจะทำให้รู้สึกแสบร้อนในตา จมูก และลำคอ นอกจากนี้ยังอาจทำให้รู้สึกแน่นหน้าอก หายใจลำบาก และทำให้เกิดอาการคลื่นไส้หรืออาเจียนได้
7. น้ำยาล้างท่อระบายน้ำต่างยี่ห้อ
บ่อยครั้งที่ใช้น้ำยาล้างท่อระบายน้ำยี่ห้อหนึ่งไปแล้ว ท่อก็ยังอุดตันอยู่ดี หลายคนจึงเลือกที่จะใช้น้ำยาล้างท่อยี่ห้อใหม่ และหวังว่ามันจะเพิ่มพลังการกำจัดสิ่งสกปรกที่คงค้างอยู่ในท่อให้หลุดออกไป ซึ่งนั่นเป็นวิธีที่ผิดและอันตราย เพราะน้ำยาทำความสะอาดท่อระบายน้ำแต่ละยี่ห้อมีส่วนผสมที่ต่างกัน หากนำมาใช้ด้วยกันจะทำให้เกิดก๊าซคลอรีน และอาจทำให้เกิดการระเบิดได้
8. น้ำยาขจัดคราบเชื้อราและน้ำยาฟอกผ้าขาว
น้ำยาขจัดคราบเชื้อราทั่วไปมักมีฤทธิ์เป็นกรด คล้ายกับน้ำส้มสายชู ซึ่งเมื่อรวมกับน้ำยาฟอกผ้าขาว จะทำให้เกิดปฏิกิริยาเคมีและเกิดเป็นก๊าซคลอรีนที่เป็นอันตราย พร้อมทั้งยังก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อดวงตา จมูก คอ และปอดได้
9. น้ำยาล้างจานและน้ำยาฟอกผ้าขาว
น้ำยาล้างจานบางยี่ห้อที่มีขายในท้องตลาด มักจะมีส่วนผสมของแอมโมเนีย เพื่อเพิ่มพลังการทำขจัดคราบสกปรก ทำให้ล้างจานได้สะอาดมากยิ่งขึ้น ซึ่งหากนำมาใช้ร่วมกับน้ำยาฟอกผ้าขาว จะเกิดปฏิกิริยาเคมีและก๊าซพิษที่อาจะเป็นอันตรายกับร่างกายได้
10. ผงซักฟอกและน้ำยาฆ่าเชื้อโรค
หลายคนมักจะเข้าใจผิดว่า การผสมน้ำยาฆ่าเชื้อโรคลงไปในผงซักฟอก จะช่วยทำให้เสื้อสะอาดปราศจากเชื้อโรคอันตรายได้ดีการใช้อย่างใดอย่างหนึ่ง แต่จริง ๆ แล้วให้ผลลัพธ์ตรงกันข้าม เพราะน้ำยาฆ่าเชื้อจำหมดประสิทธิภาพและไม่สามารถช่วยกำจัเชื้อโรคได้อย่างที่คิด
11. น้ำยาเช็ดกระจกและน้ำยาฟอกผ้าขาว
น้ำยาเช็ดกระจกบางยี่ห้อมีส่วนผสมของแอมโมเนีย ซึ่งเมื่อนำมาผสมกับน้ำยาฟอกผ้าขาว ซึ่งมีโซเดียมไฮโปคลอไรท์ (Sodium Hypochlorite) เป็นส่วนผสมหลัก จะเกิดเป็นก๊าซพิษคลอรามีน ซึ่งเป็นอันตรายต่อร่างกายนั่นเอง
12. น้ำยาล้างท่อระบายน้ำและน้ำยาฟอกผ้าขาว
การผสมน้ำยาทำความสะอาดท่อระบายน้ำที่มีฤทธิ์เป็นกรดร่วมกับน้ำยาฟอกผ้าขาว จะทำให้เกิดก๊าซคลอรีน ซึ่งเป็นอันตรายต่อดวงตา จมูก และปอดได้ ถ้าไม่อยากเสี่ยงอันตรายก็เลี่ยงเลยดีกว่า
13. ใช้น้ำยาทำความสะอาดหลายยี่ห้อ
เพราะส่วนผสมในน้ำยาทำความสะอาดแต่ละยี่ห้ออาจจะแตกต่างกัน บางชนิดเมื่อผสมกันแล้ว ไม่เกิดอันตรายแต่ก็ลดประสิทธิภาพในการทำงานลง และบางชนิดก็ทำให้เกิดการระคายเคืองและเป็นอันตรายต่อผู้ใช้ได้วิธีปฐมพยาบาลเมื่อโดนสารพิษ
หากบังเอิญนำน้ำยาทำความสะอาดเหล่านี้มาใช้ด้วยกัน ทำตามขั้นตอน ดังนี้
- เปิดน้ำสะอาดล้างบริเวณผิวที่สัมผัสกับสารเคมีทันที
- รีบเปิดหน้าต่างหรือประตูเพื่อระบายอากาศ แทนที่ก๊าซพิษด้วยอากาศบริสุทธิ์
- รีบออกจากบริเวณนั้นโดยเร็วที่สุด
นอกจากนี้ยังควรสังเกตอาการของตัวเอง หากมีอาการผิดทางร่างกาย เช่น หายใจลำบาก เจ็บหน้าอก หรือระคายเคืองที่ผิวหนัง ควรรีบไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลเพื่อรับการรักษาโดยด่วน
ทั้งนี้การใช้น้ำยาทำความสะอาด สิ่งแรกที่ควรให้ความสำคัญคือ ศึกษารายละเอียด วิธีใช้ คำเตือน และข้อควรระวังที่ระบุไว้บนบรรจุภัณฑ์ให้ถี่ถ้วนก่อนใช้ และวิธีที่ดีที่สุดในการใช้งานน้ำยาทำความสะอาดคือ ไม่ควรผสมสารเคมีอื่น ๆ โดยไม่จำเป็น และสวมใส่ถุงมือป้องกันทุกครั้งเมื่อใช้น้ำยาดังกล่าว เพื่อป้องกันการไหม้ของสารเคมีหรือการระคายเคืองที่อาจเกิดขึ้นกับผิวหนังได้
ความสะอาด เป็นเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญและเอาใจใส่เป็นอย่างมาก การใช้น้ำยาทำความสะอาด ร่วมกับส่วนผสมต่าง ๆ ก็ควรระมัดระวังด้วยเช่นเดียวกัน เพื่อความปลอดภัย และไม่เป็นอันตรายกับร่างกายนะคะขอบคุณข้อมูลจาก thinnergymd.com, goodhousekeeping.com, rd.com และ insider.com